เมนู

กล่าวธรรมีกถาโดยพิสดารแก่บริษัทที่ประชุมกัน ธรรนกถานั้นได้เป็น
ประโยชน์แก่มหาชน ครั้งนั้น พระเถระได้บอกเรื่องทั้งหมดนั้น แก่
พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลาย ในคราวปฐมสังคายนา โดยทำนองที่
ตนและเทวบุตรพูดกันนั่นเทียว พระธรรมสังคาหกาจารย์เหล่านั้นได้ยก
เรื่องนั้นขึ้นสู่สังคายนา อย่างนั้นแล.
จบอรรถกถาจูฬรถวิมาน

14. มหารถวิมาน


ว่าด้วยมหารถวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ถามเทวบุตรว่า
[64] ท่านขึ้นรถม้างดงามมิใช่น้อยคันนี้ เทียม
ด้วยม้าพันหนึ่ง เข้ามาใกล้พื้นที่อุทยาน รุ่งเรืองดัง
ท้าววาสวะผู้ให้ทานในก่อน ผู้เป็นเจ้าแห่งเทวดา
ทูบรถทั้งสองของท่านก็ล้วนแล้วด้วยทอง ประกอบ
ด้วยแผ่นทองสองข้างสนิทดี มีลูกกรงจัดไว้ได้ระเบียบ
เรียบร้อย เหมือนนายช่างพากเพียรบรรจงจัด โชติ-
วงดุจพระจันทร์ในวันเพ็ญ รถคันนี้คลุมด้วยข่าย
ทอง วิจิตรด้วยรัตนะต่าง ๆ เป็นอันมาก เอิกอึง
น่าเพลิดเพลินดี มีรัศมีรุ้งร่วง โชติช่วงด้วยหมู่เทพ

ผู้ถือพัดจามร อนึ่ง ดุมรถเหล่านี้ประดับตรงกลาง
ระหว่างล้อรถ อันจิตจัดเนรมิต วิจิตรไปด้วยลาย
ร้อยลาย พร่างพรายดังสายฟ้าแลบ รถคันนี้ดาดาษ
ด้วยลวดลายวิจิตรมิใช่น้อย กงใหญ่มีรัศมีตั้งพัน
เสียงของกงเหล่านั้นฟังไพเราะ ดุจดนตรีเครื่องห้าที่
เขาประโคม ที่งอนรถงดงามตกแต่งด้วยดวงจันทร์
แก้วมณี วิจิตร บริสุทธิ์ ผุดผ่องทุกเมื่อ ประกอบ
ด้วยลายทองเนียนสนิท โสภิตล้ำลายแก้วไพฑูรย์
ม้าเหล่านี้ผูกสอด แล้วด้วยดวงจันทร์แก้วมณีสูงใหญ่
ว่องไว อุปมาได้ดังผู้เติบใหญ่มีอำนาจมาก ร่างใหญ่
มีกำลัง เร็วมาก รู้ใจของท่าน วิ่งไปได้รวดเร็วดัง
ใจนึก ม้าทั้งหมดนี้อดทน ก้าวไปด้วยเท้าทั้ง 4 รู้ใจ
ของท่าน วิ่งไปได้รวดเร็วดังใจนึก เป็นม้าอ่อนโอน
ไม่ลำพอง วิ่งเรียบ ทำใจผู้ขับขี่ให้เบิกบาน เป็นยอด
ของม้าทั้งหลาย ผูกสอดเครื่องประดับที่ทำดีแล้ว
บางครั้งสะบัดขน บางครั้งก็วิ่งเหยาะย่างไปด้วยเท้า
บางครั้งก็เหาะไป เสียงของม้าเหล่านั้น ฟังไพเราะ
ดุจดนตรีเครื่องห้าที่เขาประโคม เสียงรถ เสียงเครื่อง
ประดับ เสียงกีบม้า เสียงร้องคำรน และเสียงเทพผู้
บรรเลงฟังไพเราะดี ดุจดนตรีของคนธรรพ์ในสวน
จิตรลดา.

เหล่าอัปสรที่ยืนอยู่บนรถ มีดวงตาอ่อนดัง

ลูกตาเนื้อทราย มีขนตาดก มีรอยยิ้มจากดวงหน้า
พูดจาน่ารัก คลุมด้วยข่ายแก้วไพฑูรย์ มีผิวละเอียด
อันคนธรรพ์และเทวดาผู้เลิศบูชาทุกเมื่อทีเดียว อัปสร
เหล่านั้นนุ่งห่มผ้าแดงและผ้าเหลืองน่ายินดี มีเนตร
ไพศาล มีดวงตาอ่อนน่ารักยิ่ง เป็นผู้ดีมีสกุล มีองค์
งาม สรวลเสียงใส อัปสรทั้งหลายยืนประนมมือ
เด่นอยู่บนรถ เธอเหล่านั้นสวมทองต้นแขน แต่ง
องค์ดี เอวส่วนกลางงาม มีขาและถันสมบูรณ์ นิ้ว
มือกลม หน้าสวยน่าชม อัปสรพวกอื่น ๆ ที่ยินประ-
นมมือเด่นอยู่บนรถ มีช้องผมงาม เป็นสาวรุ่น ๆ มี
ผมสอดแซมด้วยแก้วทับทิมและดอกไม้ จัดลอนผม
เรียบร้อยมีประกาย อัปสรเหล่านั้นมีกิริยาเรียบร้อย
มีใจยินดีต่อท่าน เหล่าอัปสรที่ยืนประนมมือเด่นอยู่
บนรถ มีดอกไม้กรองบนศีรษะ คลุมด้วยดอกปทุม
และดอกอุบล ตกแต่งแล้ว ลูบไล้ด้วยแก่นจันทน์
อัปสรเหล่านั้นมีกิริยาเรียบร้อย มีใจยินดีต่อท่าน
เหล่าอัปสรที่ยืนประนมมือเด่นอยู่บนรถเหล่านั้น สวม
พวงมาลัย คลุมด้วยดอกปทุมและดอกอุบล ตกแต่ง
แล้ว ลูบไล้ด้วยแก่นจันทน์ อัปสรเหล่านั้นมีกิริยา
เรียบร้อย มีใจยินดีต่อท่าน เหล่าอัปสรที่ยินประนม
มือเด่นอยู่บนรถ ส่องแสงสว่างไปทั่วสิบทิศ ด้วย
เครื่องประดับที่คอ ที่มือ ที่เท้า และที่ศีรษะ เหมือน

ดวงอาทิตย์ในสารทกาล กำลังอุทัยขึ้นมา ดอกไม้
และเครื่องประดับที่แขนทั้งสอง ไหวพริ้วเพราะแรง
ลม ก็เปล่งเสียงกังวานไพเราะเพราะจับใจ อันวิญญู
ชนทุกคนพึงฟัง ดูราท่านจอมเทพ รถ ช้าง (ม้า )
และดนตรีทั้งหลายที่อยู่สองข้างพื้นอุทยาน ส่งเสียง
ทำให้ท่านบันเทิงใจ ดุจพิณทั้งหลายมีรางและคันถือ
ที่ปรับไว้เรียบร้อย อันนักดีดพิณบรรเลงอยู่ ย่อมทำ
ชนผู้ฟังให้บันเทิงฉะนั้น เมื่อพิณเป็นอันมากเหล่านี้
มีเสียงไพเราะเจริญใจ อันอัปสรทั้งหลายบรรเลงอยู่
สนิทสนมกลมกลืนซาบซึ้งตรึงใจ เหล่าเทพกัญญา
ผู้ชำนาญศิลป์ พากันฟ้อนรำขับร้องอยู่ในดอกปทุม
ทั้งหลาย เมื่อใดการขับร้องการประโคมและการ
ฟ้อนรำเหล่านี้ ผสมผสานเป็นอันเดียวกัน เมื่อนั้น
อัปสรพวกหนึ่งก็ฟ้อนรำอยู่ในรถของท่านนี้.

อีกพวกหนึ่งซึ่งเป็นเทพกัญญาชั้นสูง ก็ส่อง
รัศมีอยู่สองข้างในรถของท่านนั้น ท่านอันหมู่ดนตรี
ปลุกให้ตื่น บันเทิงใจ อันทวยเทพทั้งหลายบูชาอยู่
ดุจท้าวสักกะผู้ทรงวชิราวุธ เมื่อพิณเป็นอันมากเหล่า
นี้มีเสียงไพเราะเจริญใจ ซาบซึ้งตรึงใจ อันอัปสร
บรรเลงอยู่ เมื่อก่อนท่านทำกรรมอะไรไว้ด้วยตนเอง
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ท่านได้รักษาอุโบสถ
หรือว่าได้ชอบใจการประพฤติธรรม และการสมาทาน

วัตรอะไร นี้คงมิใช่ผลของกรรมเล็กน้อยที่ท่านทำไว้
หรือฤทธานุภาพอันไพบูลของท่านนี้ คงมิใช่วิบาก
ของอุโบสถที่ท่านประพฤติดีแล้วในชาติก่อน ๆ ซึ่ง
เป็นเหตุให้ท่านรุ่งโรจน์ข่มหมู่เทพเป็นนักหนา นี้คง
เป็นผลแห่งทาน ศีล หรืออัญชลีกรรมของท่าน ท่าน
ถูกอาตมาถามแล้ว โปรดบอกกรรมนั้นแก่อาตมาเถิด.

เทวบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ชนะอินทรีย์แล้ว
มีความเพียรไม่ทราม ผู้สูงสุดแห่งนระทั้งหลาย ทรง
พระนามว่ากัสสปะ เป็นอัครบุคคล ผู้เปิดประตูแห่ง
อมตนคร ผู้เป็นเทวดายิ่งกว่าเทวดา ผู้มีบุญลักษณะ
ตั้งร้อย ผู้เป็นเทวดายิ่งกว่าเทวดา ผู้มีบุญลักษณะ
พระรูปงามเช่นกับทองสิงคีและทองชมพูนุท ครั้นได้
เห็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็มีใจเลื่อม
ใสทันที ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ผู้มีสุภาษิตเป็นธง ได้
ถวายข้าวและน้ำอันสะอาด ประณีต ประกอบด้วยรส
และจีวรในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ในที่อยู่
ของตน อันเกลื่อนกล่นไปด้วยดอกไม้ ข้าพเจ้านั้น
มีใจไม่ข้องในอะไร ๆ ได้อังคาส ( เลี้ยงดู ) พระ-
พุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้สูงสุดกว่าเหล่าสัตว์สองเท้า
ด้วยข้าว น้ำ จีวร ของเคี้ยว ของบริโภค และ

ของลิ้ม จึงรื่นรมย์อยู่ในสวรรค์อันเป็นเทวบุรี โดย
อุบายนี้ ข้าพเจ้าได้บูชายัญชื่อนิรัคคฬะ ( มีลิ่มสลัก
อันออกแล้ว เพราะได้บริจาคสมบัติของตนทั้งหมด )
อันบริสุทธิ์ 3 อย่างนี้ ละร่างมนุษย์แล้ว เป็นผู้
เสมอกับพระอินทร์ รื่นรมย์อยู่ในเทวบุรี.

ข้าแต่ท่านพระมุนี บุคคลเมื่อหวังอายุ วรรณะ
สุขะ พละ และรูปอันประณีต พึงตั้งข้าวและน้ำที่
ปรุงแต่งดีแล้วเป็นอันมาก ถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้มี
พระทัยไม่ข้องเกี่ยวอะไร ๆ ไม่ว่าในโลกนี้หรือโลก
หน้า ไม่มีผู้ประเสริฐสุดหรือเสมอด้วยพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าถึงแล้วซึ่งความเป็นผู้ควรบูชาอย่างยิ่ง
บรรดาผู้ควรบูชาทั้งหลายสำหรับชนผู้ต้องการบุญ ผู้
แสวงผลอันไพบูล.

จบมหารถวิมาน

อรรถกถามหารถวิมาน


มหารถวิมาน มีคาถาว่า สหสฺสยุตฺตํ หยวาหนํ สุภํ เป็นต้น.
มหารถวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี
สมัยนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะเที่ยวเทวจาริกโดยนัยที่กล่าวแล้วใน
หนหลัง ได้ปรากฏในที่ไม่ไกลเทวบุตรชื่อว่าโคปาละ ในภพดาวดึงส์ ผู้